แบรนด์และธุรกิจยุคนี้ต้องทรานส์ฟอร์มอะไรบ้าง ?

นอกเหนือจาการ Re Think แล้ว ต้องลงถึงการทำการทรานส์ฟอร์มจริงๆ  

การสร้างแบรนด์ไม่ใช่แค่การออกแบบภาพลักษณ์หรือโลโก้ ซึ่งปัจจุบันการสร้างแบรนด์ต้องทำทั้งส่วนภายในและภายนอกควบคู่กันจึงสามารถทำให้แบรนด์แข็งแรงและมีมูลค่าเพิ่มในยุคปัจุบันและโลกแห่งอนาคตได้จริง 

ถ้าในเมื่อโลกเปลี่ยนไปแบบนี้เราจะต้องทรานส์ฟอร์มแบรนด์แราและธุรกิจเราในเรื่องอะไรบ้าง ถึงจะขับเคลื่อนได้จริง สิ่งที่ผมจะเล่าให้ฟังนั้นต้องบอกว่าเวลาพูดถึงแบรนด์หรือธุรกิจมันคือเรื่องเดียวกันนะครับ ทุกท่านจะได้ไม่สับสน  เราลองไปดูกันเลยครับ 

Brand Vision  

จากเดิมวิสัยทัศน์ทางแบรนด์และธุรกิจ ที่มักมองแค่ตัวเองอยากเป็นอะไร ? หรือพูดในมุมเฉพาะการส่งมอบเชิงคุณภาพให้ลูกค้าเพียงอย่างเดียวต้องวบอกว่าไม่พอในยุคปัจจุบัน เพราะด้วยวิสัยทัศน์เพียงเท่านี้จะปิดกั้นศักยภาพขององค์กรให้ถูกหยุดนิ่งกับที่ และ ที่สำคัญทำให้คนในองค์กรขาดมุมมองที่สร้างสรรค์ในการทำให้องค์กรเกิดการเปลี่ยนแปลงสู่ยุคใหม่ 

ดังนั้นการที่ท่านจะปรับองค์กรเข้าสู่ยุคใหม่ๆ หรือแม้กระทั่งทำอะไรที่ใหม่กันในระดับทั้งองค์กรท่านต้องเปลี่ยนมุมมองด้านเป้าหมายหรือภาพความสำเร็จระยะยาวขององค์กรให้ได้เสียก่อน ซึ่งสิ่งที่องค์กรควรต้องทำคือ การเลิก Vision เก่าให้เร็วที่สุด แล้วจัดทำทิศทางไปสู่การหา Brand Future Vision ใหม่ให้ได้เร็วที่สุดก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป  มีประโยคหนึ่งของแจ็คหม่า ที่ดีมาก คือ เขาบอกว่า  ทิศทางที่ถูกต้อง ทำให้ผ่อนแรงเราแต่….ทิศทางที่ไม่ถูกต้อง ยิ่งขยันยิ่งเร่งความล้มเหลว 

สรุปกล่าวคือ สิ่งแรกเลยที่องค์กรสมัยนี้ควรทำอย่างเร่งด่วน คือ การทรานส์ฟอร์ม Brand Vision ใหม่ ให้กลายเป็น Brand Future Vision นั่นเอง

Revenue Model 

จากเดิมเรามีวิธีสร้างรายได้ให้บริษัทอย่างไร ? มาถึงวันนี้เราต้องทบทวนใหม่ว่าเราจะหารายได้ด้วยวิธีที่เปลี่ยนไปอย่างไร ? ที่ทำให้เรามีรายได้ที่สามารถเติบโตโดยใช้เทคโนโลยีได้และนี่แหละครับจะกลายเป็นโอกาสของแบรนด์เราได้อย่างที่เหลือเชื่อ เพราะโลกสมัยใหม่เราจะเห็นว่าเกิดบริษัทประเภท Start up มากมายที่ล้มยักษ์ในแต่ละอุตสาหกรรมหรือเรียกว่า Disrupt ได้เลยทีเดียว เช่น Airbnb ไม่ได้สร้างโรงแรมของตัวเองแต่บนแพลตฟอร์มนี้มีห้องพักร่วมแสนๆ ห้องให้คนทั่วโลกได้มาจองที่พัก เรียว่าใหญ่ว่า Chain โรงแรมระดับโลกเสียอีก  และที่มาของรายได้ก็เป็นทั้ง Advertising Model และ Transaction Model 

หรือรายได้แบบ Netflix ที่เรียกว่าเป็น Model แบบ Subscription Model ที่ ปฏิวัติโลกแห่งวงการชมภาพยนตร์และหนังไปทั่วโลก และทำให้บริษัทนี้กลายเป็น Start up ที่เป็น Unicorn อีกตัวที่มีมูลค่าหลายหมื่นล้านได้ในระยะไม่กี่ปี นั่นเอง

ดังนั้นในโลกปัจจุบันเราสามารถสร้างรายได้แบบใหม่ๆ ที่สำคัญต้องสะท้อนมาจาก Vision ในข้อแรก การมองหาช่องทางการสร้างรายได้ใหม่มีความจำเป็นอย่างมาก ไม่งั้นธุรกิจท่านอาจเจอคู่แข่งทางอ้อมที่อยู่นอกอุตสาหกรรมมาแข่งขันและแย่งรายได้และลูกค้าท่านไปก็ว่าได้ 

Internal Branding 

การทรานส์ฟอร์มเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องที่สำคัญมากไม่แพ้สองข้อข้างต้น เพราะวิสัยทัศน์ดีแต่ขาดคน หรือ วัฒนธรรมองค์กรที่ดีแต่ฝันนั้นก็ไม่สามารถขับเคลื่อนไปสู่ความจริงได้ แน่อน ซึ่งในหลักข้อนี้คือการ เปลี่ยนหลักคิดทางด้าน HR สมัยใหม่ก็ว่าได้ เพราะการวางระบบ HR สมัยก่อนมักเน้นการจัดระบบให้เกิดความเรียบร้อยเป็นระเบียบ แต่ในปัจจุบันองค์กรทั่วโลกถูกท้าทายด้วยเทคโนโลยีที่เข้ามาปฏิวัติในทุกๆ อุตสาหกรรมเลยก็ว่าได้ ดังนั้นองค์กรต้องสร้างรากฐานให้เกิดวัฒนธรรมที่ก่อให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ และนวัตกรรมใหม่ๆ ได้ตลอดเวลา ที่สำคัญองค์กรนั้นต้องมีการสร้างคุณค่าหลักภายในองค์กรให้รับหรือสอดคล้องกับตัวตนของแบรนด์อีกด้วย 

สรุปในข้อนี้ผมเกริ่นไว้เบื้องต้นเพื่อจุดประกายทุกท่านไว้ก่อนนะครับ ว่าเราจะต้องทรานส์ฟอร์มแผนก HR ใหม่ให้กลายเป็นแผนกที่สามารถขับเคลื่อน Internal branding ได้ 

Innovation 

ในข้อนี้คือ การหา New S Curve ตัวใหม่ นั่งเอง ท่านลองทบทวนธุรกิจท่านจากคำถามนี้ดูนะครับว่า

1. ในแต่ละปีท่านมีนวัตกรรมใหม่ๆ อะไรบ้าง? 

2. วิธีการได้มาซึ่งนวัตกรรมเหล่านั้นไม่ว่าจะเป็นสินค้า หรือ บริการใหม่ๆก็ตามท่านได้มาอย่างไร ? 

3. ท่านใส่ใจให้องค์กรมีสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการก่อเกิดนวัตกรรมเหล่านั้นมากน้อยแค่ไหน ? 

ถ้าคำตอบที่ได้คือ แทบไม่ได้คิดเลย หรือ ผลลัพธ์ขององค์กรท่านในเรื่องนี้น้อยมาก นั่นก็หมายถึงว่าองค์กรท่านต้องเริ่มทรานส์ฟอร์มในจุดนี้เช่นเดียวกัน โดยการมองในส่วนนี้คือการปรับมุมมอง จากการแค่ออกสินค้าใหม่มาเป็นการออกนวัตกรรมใหม่ ที่ทำให้สินค้าและบริการมี Value ที่เพิ่มขึ้น และในบางครั้งนวัตกรรมที่เราเอาเข้าสู่ตลาดประสบความสำเร็จ มันอาจจะกลายเป็นจุดเปลี่ยนขององค์กรนั้นๆไปเลยก็ว่าได้ ถ้าพูดถึงข้อนี้ก็ต้องยกตัวอย่างแบรนด์อย่าง หัวเหว่ย ที่เรียกว่า มาทีหลังแต่แซงทางโค้งจริงๆ ภายในไม่กี่สิบปีของแบรนด์นี้สามารถมีนวัตกรรมในจำนวนที่เทียบเท่ากับองค์กรอย่าง IBM ที่เป็นองค์กรเกือบร้อยปี และด้วยการลงทุนด้านการสร้างนวัตกรรมมาตลอด ทำให้ภายในสามปี หัวเหว่ย กลายเป็นบริษัทที่มีผลประกอบการมากกว่าแสนล้านเหรียญต่อปี และกลายเป็นแบรนด์ชั้นนำของโลกยุคใหม่ได้สำเร็จในที่สุด 

โดยสรุปในข้อนี้คือ ท่านต้องทรานส์ฟอร์มให้องค์กรท่านก่อเกิดนวัตกรรมที่รวดเร็ว และที่สำคัญก่อให้เกิดรายได้ที่มีมูลค่าที่จับต้องได้ด้วย พร้อมหรือยังที่จะเป็นองค์กรที่สร้างนวัตกรรมสู่โลกอนาคตได้