เจาะลึกมูลค่าแบรนด์ Tesla กับกลยุทธ์พาแบรนด์โตถึง 4.8 หมื่นล้านดอลลาห์สหรัฐ

ในช่วงที่รถยนต์ไฟฟ้าเข้ามากลายเป็นตัวเลือกใหม่ให้กับผู้คนบนท้องถนนมากขึ้น ไม่ว่าจะด้วยเพราะแนวโน้มในอนาคต หรือเพราะด้านสมรรถนะ แบรนด์ที่หลายๆ ท่านนึกถึงขึ้นมาเป็นอันดับแรกก็คงจะเป็น Tesla ขึ้นมาเป็นอันดับหนึ่งอย่างไม่ต้องสงสัยด้วยฟังก์ชั่นล้ำสมัย ทำให้การเปิดตัวในไทยประสบความสำเร็จจนยอดจองพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว ไม่สงสัยเลยว่าทำไม Tesla จึงเป็นแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าที่มีมูลค่าและเติบโตมากที่สุดในปีนี้

มูลค่าแบรนด์ Tesla รถยนต์ไฟฟ้าอันดับหนึ่ง

เพราะไม่ได้มีดีเพียงแค่ชื่อจึงทำให้ Tesla ครองตำแหน่งเป็นแบรนด์ที่มีอัตราเติบโตสูงที่สุดจาก 100 อันดับแบรนด์ที่มีมูลค่ามากที่สุดในปีค.ศ. 2022 ซึ่งเทียบเท่ากับแบรนด์ใหญ่อย่าง Microsoft และแบรนด์ที่มีอายุกว่า 100 ปีอย่าง Chanel ด้วยอัตราการเติบโตของมูลค่าแบรนด์ที่ 32% จากปีที่แล้ว ทั้งยังถือเป็นแบรนด์ที่มีมูลค่ามากที่สุดเป็นอันดับที่ 12 ของโลก ด้วยมูลค่า 4.8 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ จากการจัดอันดับแบรนด์ที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลกโดย Interbrand อีกด้วย

เผยกลยุทธ์ Tesla สู่อันดับที่ 12 ของโลก

1. ขายรถยนต์ด้วยตัวเอง ไม่ผ่านดีลเลอร์

เราอาจจะคุ้นเคยกับการซื้อรถยนต์จากดีลเลอร์ที่มีกระจายอยู่ทั่วประเทศ แต่สำหรับ Tesla นั้นมีกลยุทธ์ในการขายรถยนต์ด้วยตัวเอง ไม่ผ่านดีลเลอร์ ซึ่งในสหรัฐอเมริกาเราสามารถซื้อรถยนต์ Tesla ได้จากการสั่งซื้อผ่านเว็บไซต์ โดยที่เจ้าของสามารถปรึกษา ทดลองขับ และรับรถได้ที่โชว์รูมของ Tesla เอง เนื่องจากรถยนต์ของ Tesla มีเทคโนโลยีหลายด้านที่แตกต่างจากรถยนต์ทั่วไป ทำให้ต้องอาศัยความชำนาญ และโครงสร้างการบริหารจัดการของดีลเลอร์แบบเดิมอาจไม่เหมาะกับรถยนต์ Tesla อีกทั้งการขายสินค้าในช่องทางนี้ยังสามารถลดต้นทุนในการจำหน่ายสินค้าได้อีกด้วย

2. เครื่องจักรสร้างเครื่องจักร

Tesla ไม่เพียงแต่ผลิตรถยนต์ที่มีฟังก์ชันที่ล้ำสมัยอย่างที่เรารู้จักกัน แต่ Tesla มีการออกแบบโรงงานผลิตที่ใช้เครื่องจักรที่ควบคุมด้วย Software และ AI ทำให้การผลิตรถยนต์ 1 คันของ Tesla เริ่มตั้งแต่เป็นโครงเหล็กเปล่าๆจนกลายเป็นรถยนต์ที่พร้อมออกถนน ใช้เวลาเพียง 3 วันเท่านั้น และจากการออกแบบ คิดค้น และพัฒนาระบบการผลิตมาอย่างยาวนานทำให้การเพิ่มกำลังผลิตไปในแต่ละประเทศสามารถทำได้อย่างง่ายดาย และยังสามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบภายใน หรือปรับเปลี่ยน Software เพื่อให้รองรับการผลิตรถยนต์รุ่นใหม่ๆของ Tesla ได้อีกด้วย

ยิ่งไปกว่านั้นจากการที่ Tesla สามารถมุ่งพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวทำให้ Tesla สามารถโฟกัสในการลงทุนเพื่อพัฒนาระบบการผลิตที่สามารถลดขั้นตอนในการผลิตลงได้เป็นอย่างมาก เช่น Tesla Giga Press ที่สามารถลดขั้นตอนการผลิตโครงรถยนต์จาก 70 ขั้นตอนเหลือเพียงขั้นตอนเดียว ซึ่งสามารถลดต้นทุนการผลิตได้อย่างมาก นี่จึงเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ Tesla เป็นแบรนด์ที่มีอัตราการเติบโตที่สูงมากขนาดนี้

3. งบการตลาด 0 บาท 

แม้ว่า Musk จะมีธุรกิจอื่นมากมายอย่าง SpaceX หรือ Twitter ทว่าด้วยภาพจำ “Elon Musk = Tesla” ก็ได้กลายเป็นข้อดีของการธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้านี้ไปเสียแล้ว เพราะชื่อเสียงในการแสดงความคิดเห็นผ่านโซเชียลมีเดีย ต่างจากผู้บริหารทั่วไปของ Musk ในฐานะ CEO เบอร์ต้นของโลกทำให้การเคลื่อนไหวถูกจับตามองจากสื่อได้ไม่ยาก จนทำให้ธุรกิจทั้งหลายที่อยู่ในพอร์ตถูกโฆษณาไปแบบไม่ต้องเสียแรง และการออกมาให้สัมภาษณ์อยู่เรื่อยๆ จากภาพลักษณ์ของ Musk เองที่สื่อถึงความมั่นใจจึงอาจทำให้หลายคนอยากครอบครอง Tesla ไว้สักคันเพื่อสะท้อนภาพลักษณ์นั้นของตัวเองอีกด้วย

สรุปที่มาการเติบโตของมูลค่าแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าอันดับหนึ่ง

ด้วยชื่อเสียงรถยนต์ไฟฟ้าของ Tesla ที่สะท้อนออกมาจากการจัดอันมูลค่าแบรนด์ที่สูงเป็นอันดับที่ 12 ของโลก คงไม่พ้นความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีในการผลิตของบริษัท รูปแบบการทำธุรกิจและจำหน่ายที่ไม่เหมือนแบรนด์ไหน และด้วยภาพลักษณ์แห่งความเชื่อมั่นและการออกสื่อที่น่าจับตามองของ CEO จึงทำให้ Tesla กลายเป็นแบรนด์ในใจ ส่งผลให้เดิมที่เป็นบริษัทเกือบล้มละลายกลับกลายเป็นเติบโตกว่า 32% ได้ถึงขนาดนี้

_________________________________

ขอขอบคุณแหล่งที่มา :

https://www.longtunman.com/38847 

https://www.longtunman.com/43171 

https://interbrand.com/best-global-brands/?filter-brand-sector= 

https://th.investing.com/analysis/article-200435398 

https://www.shiftyourfuture.com/tesla-elon-musk-marketing-strategy