แบรนด์แบ่งตามบทบาทการหารายได้มีกี่ประเภท ? 


ชื่อกลยุทธ์ : กลยุทธ์การออกแบบการหารายได้ทางธุรกิจ
                     (Revenue Model design Strategy)
เรียบเรียงในปี : 2021

กลยุทธ์การออกแบบรายได้มีประโยชน์อย่างไร ?

ประโยชน์ของกลยุทธ์การออกแบบรายได้นั้นมีมากมายและขยายผลได้ในวงกว้าง โดยสามารถสรุปได้ดังนี้

  1. ช่วยให้แผนธุรกิจมีทิศทางที่ชัดขึ้น
  2. ช่วยให้โมเดลการหารายได้นั้นมีแผนงานที่ชัดเจนทำให้ทีมงานมีโฟกัสที่ชัดเจน
  3. ช่วยให้กลยุทธ์การตลาด กิจกรรมการขายมีทิศทางที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น

เหมาะกับธุรกิจช่วงไหน :
การนำกลยุทธ์การออกแบบการหารายได้ไปใช้งานนั้นต้องคำนึงถึงช่วงของการเติบโตของธุรกิจเป็นพื้นฐานสำคัญโดยเฉพาะ ในวงจรธุรกิจแบบ 5S ซึ่งมีตั้งแต่ช่วงธุรกิจ (Baramizi 5s Model)

  1.  Start up
  2. Survival
  3. Stable
  4. Scalable
  5. Sustainable 

เราต้องเข้าใจถึงพื้นฐานของธุรกิจว่าเราอยู่ในช่วงไหน ? ซึ่งการนำกลยุทธ์การรออกแบบรายได้นี้ไปใช้หลักคิดและจุดเน้นในแต่ละช่วงจะแตกต่างกัน

กลยุทธ์การออกแบบรายได้มักจะนำไปใช้ในช่วงไหน ?

ช่วง S1 : Start up ช่วงเริ่มต้นของธุรกิจใหม่ๆ เป็นช่วงแห่งสีสันและความสดใหม่
โดยมากธุรกิจช่วงแรกหรือช่วง Start up นั้นต้องให้ความสำคัญกับทิศทางและการจัดทำแผนธุรกิจมากๆ ดังนั้นกลยุทธ์การออกแบบรายได้ในช่วงนี้นั้นจึงมีความสำคัญอย่างมากที่ต้องนำกระบวนการพัฒนากลยุทธ์การออกแบบรายได้นี้ไปปรับใช้กับกิจกรรมทุกๆอย่างโดยเฉพาะการออกสินค้าหรือบริการหลักเพื่อทำให้สามารถตอบโจทย์ตลาดได้

ช่วง S2 : Survival ช่วงต้องรอดหรือช่วงที่ทำให้ธุรกิจอยู่รอดมีรายได้ มีโอกาสในการสร้างกำไรได้จริง
เป็นธุรกิจช่วงที่ต้องสปีดตัวเองให้สามารถทำเงินได้จริงจากแผนทางธุรกิจและการออกแบบรายได้ที่วางแผนไว้โดยต้องเน้นกิจกรรมที่ทำให้เกิดยอดขายเข้ามามากที่สุด

ดังนั้นกลยุทธ์การออกแบบรายได้นั้นจึงเป็นช่วงที่ทดลองว่ารูปแบบรายได้ที่วางแผนนั้นสามารถสร้างผลลัพธ์ได้จริงไหมและมีผลลัพธ์อย่างไร ? 

ช่วง S3 : Stable ช่วงต้องทำธุรกิจให้มีความมั่นคงและเดินหน้าด้วยระบบในการบริหารจัดการ
ธุรกิจในช่วงนี้นั้นมักจะเป็นการพัฒนาการหารายได้ที่ค่อนข้างมีความลงตัว และกำลังต้องการเติบโตในการจัดหารายได้ สร้างกำไร โดยการใช้ระบบและบริหารงานด้วยความเป็นมืออาชีพ จึงเป็นช่วงที่มีการใช้มืออาชีพเข้ามาช่วยในด้านต่างๆ เพื่อทำให้รูปแบบรายได้ที่วางแผนไว้นั้นขับเคลื่อนไปได้จริง

กลยุทธ์การออกแบบรายได้ในช่วงนี้นั้นจะเป็นการสร้างกลไกที่ทำให้เกิดการขับเคลื่อนการหารายได้ด้วยระบบที่สมบูรณ์มากยิ่งขึ้นกิจกรรมนอกจากมุ่งสู่การขาย จะมีกิจกรรมด้านการพัฒนาองค์กรในทุกด้านเข้ามาเพิ่มเติม ดังนั้นธุรกิจที่เข้าสู่ช่วงนี้ไม่ควรปรับเปลี่ยนรูปแบบการจัดหารายได้มากนัก 

ช่วง S4 : Scalable ช่วงขยายธุรกิจให้มีรายได้แบบเติบโตทวีคูณ
ธุรกิจช่วงนี้เป็นการสร้างรายได้ที่มีการเติบโตแบบทวีคูณและรวดเร็ว ดังนั้นการขยายที่รวดเร็วนี้จำเป็นต้องรีวิวแผนธุรกิจและแผนการหารายได้อีกรอบเพื่อทำให้การสเกลนั้นมีความรอบครอบและแม่นยำ 

การจัดทำกลยุทธ์การออกแบบจัดหารายได้ช่วงนี้มีความจำเป็นอย่างมากที่สามารถทำให้การเติบโตนั้นนอกจากขยายยอดขายยังสามารถขยายโอกาสใหม่ๆ ที่จะสามารถสร้างรายได้ได้เพิ่มขึ้นในอนาคตตามไปด้วย 

ช่วง S5 : Sustainable
ธุรกิจในช่วงนี้มีความแข็งแรงทางด้านฐานของธุรกิจมากพอสมควรสิ่งที่เป็นหัวใจสำคัญของช่วงนี้คือการทำให้สังคมยอมรับว่าเป็นธุรกิจที่มีคุณค่าต่อผู้คนและโลกใบนี้ การพัฒนาธุรกิจช่วงนี้ยังจำเป็นต้องคิดในการขยายธุรกิจในรูปแบบแนวข้าง (คือการขยายธุรกิจประเภทใหม่ๆที่มีโอกาสเติบโต) เพราะตลาดในแนวลึก (สินค้าและบริการ หรือประเภทธุรกิจเดิม) นั้นเริ่มอิ่มตัว ดังนั้นกลยุทธ์การออกแบบรายได้ควรที่ต้องคิดในภาพใหญ่ที่มีการทรานส์ฟอร์มไปสู่อุตสาหกรรมใหม่ แม้กระทั่งการกำหนดนิยามแแบรนด์ตัวเองใหม่ เพื่อขยายรายได้ในอนาคตเพิ่มเติม

แบรนด์แบ่งตามบทบาทการหารายได้มีกี่ประเภท ?

A: Trader
คือ บทบาทแบรนด์ที่เป็นผู้ซื้อมาขายไป โดยได้ส่วนแบ่งทางการตลาด
จากการขายสินค้า / บริการให้กับผู้ผลิตหรือเจ้าของสินค้านั้นๆ 

ลักษณะรายได้เป็นแบบคอมมิชชั่นจากการขาย หรือ GP Gross Profit จากการขาย
ธุรกิจที่อยู่ในกลุ่มนี้ได้แก่ ธุรกิจตัวแทนจำหน่าย ธุรกิจร้านค้าปลีก ธุรกิจเวปไซต์แบบ market place เป็นต้น 

B: Operator
คือ บทบาทแบรนด์ที่เป็นผู้บริหารจัดการหรือโอเปอร์เรทสิ่งใด สิ่งหนึ่งที่สร้างรายได้จากการบริการ เช่น บริการที่มีอาคารสถาน, บริการด้านระบบ, บริการเครือข่าย โดยจัดเก็บเป็นรายได้ค่าบริการในหลายรูปแบบ ธุรกิจในกลุ่มนี้ เช่น
ธุรกิจหอพัก, ธุรกิจโรงแรม, ธุรกิจสือ, ธุรกิจบริหารระบบขนส่ง, ธุรกิจบริการระบบ
คลาวน์, ธุรกิจแพลตฟอร์ม เป็นต้น

ธุรกิจกลุ่มนี้มักมีรูปแบบกการสร้างรายได้จากค่าบริการแต่ปัจจุบันที่เป็นโอกาสที่น่าสนใจคือการจ่ายแบบ Subscripption ซึ่งก็คือการจ่ายค่าบริการแบบต่อเนื่อง หรือจะเรียกว่าจ่ายน้อยๆแต่จ่ายนานๆ นั่นเอง

C: Creator
คือ บทบาทแบรนด์ที่เป็นผู้ผลิต ออกแบบ สินค้า โดยรายได้จากการขายสินค้าหรือบริการนั้นๆผ่านช่องทางจัดจำหน่ายต่างๆ ธุรกิจกลุ่มนี้ได้แก่ ธุรกิจผลิตอาหาร, ธุรกิจผลิตเสื้อผ้า, ธุรกิจผลิตรถยนต์, ธุรกิจผลิตเฟอร์นิเจอร์ เป็นต้น

การสร้างรายได้ของกลุ่มนี้เป็นรายได้ที่มักจะเกิดจากการคิด ผลิต ขาย ซึ่งลักษณะการสร้างรายได้นั้นมาจากการสร้างรายได้แบบการขายผ่านช่องทางจัดจำหน่ายต่างๆ

D : Innovator
คือ ผู้ที่สร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆขึ้นมา แล้วสร้างรายได้จากนวัตกรรม ใบอนุญาต, ลิขสิทธิ์และสิทธิบัตรต่างๆโดยยการจัดหารายได้ในข้อนี้มักจะเป็นรายได้จากความสามารถหรือนวัตกรรมที่มีความพิเศษ

ธุรกิจในกลุ่มนี้เช่น ธุรกิจที่ปรึกษา, ธุรกิจร้านแฟรนไชน์, ธุรกิจให้เช่าใช้ระบบ, ธุรกิจตราการันตี ธุรกิจวิจัยและพัฒนา เป็นต้น