The Omni World เปิดโลกของคำว่า OMNI ในมิติที่หลากหลาย

คำว่า Omni มีที่มาจากคำว่า Omnis ในภาษาละติน ที่แปลว่า Every / All (ทุกอย่างหรือทั้งหมด)

แต่เดิม…นี่เป็นคำที่ถูกใช้มากในมุมของการตลาดและช่องทางการขาย  หมายถึง การบูรณาการช่องทางออฟไลน์และออนไลน์เข้าด้วยกัน เพื่อให้ประสบการณ์ของผู้บริโภค (Customer Experience) เป็นไปแบบไร้รอยต่อและง่ายดาย ถือเป็นหนึ่งในการสร้างประสบการณ์คุณภาพสูงอย่างหนึ่งในยุคนี้

แต่ปัจจุบันความเป็น “Omni” ในเทรนด์ระดับโลกได้ก้าวไปไกลกว่านั้นมากแล้ว…

 

Omni-Channel

เมื่อเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตพัฒนาตัวเองมาถึงจุดที่กลายเป็นทุกอย่างในชีวิตของคนบนโลก ทำให้ทุกการเชื่อมต่อและจินตนาการสามารถเป็นจริงได้อย่างง่ายดาย ในมุมธุรกิจ Omni-Channel แนวคิดที่เชื่อมโลกออนไลน์และออฟไลน์เข้าด้วยกันจึงเป็นหนึ่งในหัวใจสำคัญสู่ความสำเร็จ การสร้างประสบการณ์ (Experience) ที่น่าประทับใจให้กับผู้บริโภคในทุกช่องทางอย่างเท่าเทียมกลายเป็นหลักการพื้นฐานที่นักการตลาดทุกคนต้องยึดถือ โดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจค้าปลีกที่มีช่องทางการจำหน่ายสินค้าหลากหลาย และเป็นจุดหลักในการสร้างรายได้ต่อเนื่อง

 

Omni-Purpose

แพลตฟอร์มที่หลากหลายทำให้คนมีตัวเลือกในการเข้าถึงข้อมูลสินค้าและบริการอย่างไร้ขีดจำกัด ขณะที่โลกหมุนไปในจังหวะไฮสปีด ผู้คนกลับอยากใช้ชีวิตให้เร็วยิ่งกว่า การเสียเวลาให้กับความยุ่งยากคือสิ่งที่ไม่คู่ควรกับชีวิตอันแสนสั้นและมีคุณค่า Omni-Purpose จึงเป็นแนวคิดที่เข้ามาตอบโจทย์วิถีชีวิตที่ต้องการทั้งความยืดหยุ่นและความกระชับในเวลาเดียวกัน แพลตฟอร์มแบบ all-in-one ที่ช่วยให้ชีวิตสะดวกสบาย จบง่ายในที่เดียว หรือออฟฟิศที่มี Facilities เหมาะกับทั้งการทำงาน เรียน เล่น กิน หรือแม้แต่นอน จึงเป็นคำตอบของคนยุคมิลเลเนียมที่ไม่อยากปล่อยเวลาให้ล่วงเลยเสียเปล่า

 

วัฒนธรรมองค์กรยุคใหม่โดยเฉพาะในกลุ่มของ Tech Startup เป็นตัวอย่างที่ดีของการสร้างวิถีชีวิตแบบใหม่ของคนทำงาน อย่างออฟฟิศของ Google ในหลายประเทศที่ออกแบบพื้นที่และฟังก์ชั่นอย่างสนุกสนาน มีทั้งธีมต่างๆ สวนสนุก โซฟา บีนแบ็ค ห้องเกมส์ พื้นที่ออกกำลังเบาๆ พื้นที่ทำงานที่สามารถเลือกเปลี่ยนไปได้ในแต่ละวันไม่ซ้ำแบบ แต่ภายใต้สีสันที่สดใสและบรรยากาศสนุกสนานนั้น ทุกอย่างกลับถูกสร้างขึ้นเพื่อการดึงเอาความคิดสร้างสรรค์และศักยภาพของคนทำงานออกมาให้ได้มากที่สุดอย่างแยบยล ในขณะเดียวกันก็ตอบสนองต่อไลฟ์สไตล์ที่ยืดหยุ่นของคนรุ่นใหม่ไปพร้อมๆ กัน และกลายเป็นต้นแบบของธุรกิจ Co-Working Space ที่กำลังขยายตัวไปทั่วโลก

 

Omni-Culture

นานมาแล้ว ที่เรามองเห็นความแตกต่างระหว่างบุคคลและยอมรับการมีอยู่ของความแตกต่างนั้น ชนกลุ่มต่างๆ (เช่น ผู้อพยพ กลุ่มรักร่วมเพศ คนผิวสี หรือแม้แต่ผู้หญิง) คือประเด็นละเอียดอ่อนที่ต้องพูดถึงอย่างระมัดระวัง แต่ด้วยมุมมองแบบ Omni-Culture เทรนด์นี้กลับชี้นำสังคมให้ละลายเส้นแบ่งของสิ่งต่างๆ ออกไป ยกระดับไปสู่ความเท่าเทียมในทุกรูปแบบ และผลักดันให้กลายเป็นสิ่งธรรมดา (General) ทั่วไป เราเลิกใช้กฏตายตัว (Stereotype) เพื่อแบ่งแยกและตัดสินผู้คนด้วยสีผิว อายุ รูปร่าง เพศสภาพ แต่หันมาให้คุณค่ากับทัศนคติ ความสามารถ บุคลิกภาพ และไลฟ์สไตล์ภายใต้เปลือกของความเป็นมนุษย์เหมือนๆ กันมากขึ้น

 

ปรากฏการณ์นี้กำลังเกิดขึ้นในทุกสังคม ในหลายๆ บริบททั่วโลก แต่ที่เห็นได้ชัดเจนและเป็นรูปธรรมที่สุดตอนนี้ก็คืออุตสาหกรรมความงามและแฟชั่นที่ตื่นตัวในเรื่องการนำเสนอความงามแบบต่างๆ ที่ไม่ได้มีเพียงแบบเดียวอีกต่อไป นางแบบหลากหลายสีผิวกับแบรนด์เครื่องสำอางค์ ชุดชั้นใน รองเท้า ที่นำเสนอผลิตภัณฑ์สี new nude ที่มากเฉดสียิ่งขึ้น หรือสาว Plus Size กับ Body Positive Movement ในสื่อสังคมออนไลน์ซึ่งจุดประกายให้ผู้คนหันมาภูมิใจกับรูปร่างในแบบของตนเอง และตีคู่มากับการต่อต้านพฤติกรรม Social Bully (การกลั่นแกล้ง) ไปพร้อมๆ กัน

 

เทรนด์คือแนวโน้มของการเปลี่ยนแปลง ซึ่งมีที่มาจากบริบททางสังคม วัฒนธรรม ทัศนคติของผู้คนจำนวนหลายพันล้านคนบนโลก บางสิ่งเกิดขึ้นแล้วและกำลังยกระดับไปสู่สิ่งใหม่ บางสิ่งเริ่มมองเห็นเค้าลางและกำลังจะพัฒนาต่อ สิ่งที่เจ้าของแบรนด์และนักการตลาดพึงทำคือการจับตาเทรนด์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อจะได้เลือกรับและปรับตัวได้อย่างทันท่วงที ไม่ถูกพัดหายไปในกระแสพายุแห่งการเปลี่ยนแปลง

 

 

Credit :
www.mnn.com
http://www.home-designing.com
www.unboundid.com
www.newswire.com
www.psychologytoday.com