TREND FAST TRACK : TOURISM TREND THE TOUR(ISM) MUST GO ON การท่องเที่ยวต้องก้าวต่อไป

สถานการณ์โควิด-19 ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงของต่อการท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก นักท่องเที่ยวต้องหยุดอยู่กับที่ และเว้นระยะห่างทางสังคมทำให้การท่องเที่ยวทั่วโลกต้องชะลอตัวหรือหยุดชะงัก จึงเกิดคำถามขึ้นว่า “อนาคตของการท่องเที่ยวจะเป็นอย่างไรต่อไป?” แต่พอหลังวิกฤตโควิด-19 ผ่านพ้นไป โฉมหน้าของการท่องเที่ยวก็จะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป นักท่องเที่ยวจะคำนึงถึงความปลอดภัย อีกทั้งแต่ละประเทศเองก็มีมาตรการในการจำกัดการเดินทางและการท่องเที่ยว ไม่เพียงแค่นั้นภาคเอกชนและผู้ประกอบการต่างๆ ก็พัฒนาสินค้าและการบริการต่างๆ ที่จะช่วยสร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับนักท่องเที่ยวในยุค New Normal สำหรับ Trend Fast Track สัปดาห์นี้จะพาทุกท่านเจาะลงไปศึกษาถึงมาตรการของแต่ละประเทศที่เปิดรับนักท่องเที่ยวว่ามีการจัดการอย่างไร ไม่เพียงแค่นั้นเรายังพบว่าผู้ประกอบการก็คิดวิธีการน่าสนใจในการสร้างประสบการณ์การท่องเที่ยวรูปแบบใหม่อย่างไรบ้างไปดูกันครับ

1. มัดจำไว้ก่อน กัมพูชาให้นักท่องเที่ยวจ่ายเงินค่าตรวจโควิด 1.3 แสนบาทก่อนเข้าประเทศ


Photo by Anna Claire Schellenberg on Unsplash

การท่องเที่ยวถือเป็นอุตสาหกรรมหลักที่ทำรายได้ถล่มทลายให้กับหลายประเทศ สำหรับกัมพูชาเฉพาะรายได้จากการท่องเที่ยวในปี 2018 ก็มีมูลค่าสูงถึง 4.35 พันล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งการท่องเที่ยวมีความสำคัญต่อกัมพูชา เพราะทำให้เศรษฐกิจเติบโต สร้างงานและยังช่วยลดความยากจนด้วย หลังจากโควิด-19 ระบาดทั่วโลก ความคาดหวังว่าจะได้รายได้มากมายจากการท่องเที่ยวย่อมลดลง กัมพูชาพยายามแก้ปัญหาและป้องกันปัญหาหากมีคนเดินทาง จึงออกมาตรการ กัมพูชาให้นักท่องเที่ยวจ่ายเงินค่าตรวจโควิด 1.3 แสนบาทก่อนเข้าประเทศ เรื่องนี้กลายเป็นประเด็นที่หลายสำนักข่าวให้ความสนใจ เพราะหาได้ยากยิ่งที่จะมีประเทศใดคิดเงินมัดจำล่วงหน้า เงินมัดจำนี้ ผู้ที่เดินทางเข้าประเทศกัมพูชาต้องจ่ายเงินไว้ก่อนเข้าประเทศ เรียกว่า “Covid-19 deposit” จ่ายทันทีเมื่อเดินทางไปถึงกัมพูชา กัมพูชาระบุว่าเพื่อให้ครอบคลุมค่าใช้จ่ายในการตรวจโรคโควิด-19 การรักษาทางการแพทย์ และที่พักอาศัย เงินมัดจำนี้จะถูกหักค่าใช้จ่ายทั้งหมดออกก่อนที่จะคืนเงินแก่ผู้เดินทางนั้นๆ อย่างไรก็ตาม เงินค่ามัดจำนี้อาจไม่แน่นอนนัก อาจผันแปรตามปัจจัยต่างๆ ที่เป็นไปตามเงื่อนไขการให้เข้าประเทศกัมพูชา กล่าวคือ หากมีผู้โดยสารคนใดในเครื่องบินลำเดียวกันมีผลตรวจโควิด-19 เป็นบวก หมายความว่าทุกคนในเครื่องบินลำนี้จะต้องถูกกักกันโรคเป็นเวลา 14 วัน และอาจจะต้องจ่ายค่าตรวจโควิดเป็นครั้งที่สองด้วย

Credit : https://www.traveller.com.au/coronavirus-and-travel-travellers-to-cambodia-will-have-to-pay-4300-covid-deposit-h1ot20

2. บาหลีเปิดเกาะต้อนรับคนในประเทศให้ท่องเที่ยวได้แล้ว ส่วนต่างชาติเที่ยวได้ 11 ก.ย.

บาหลีเร่งฟื้นธุรกิจท่องเที่ยว ประกาศเปิดเกาะต้อนรับนักท่องเที่ยวแล้ว โดยจะเริ่มจากการต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวอินโดนีเซียให้สามารถมาพักผ่อนได้ตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่ 9 กรกฎาคมนี้เป็นต้นไป ส่วนนักท่องเที่ยวต่างชาติซึ่งถือเป็นแหล่งรายได้หลักของเกาะบาหลี จะเริ่มเปิดให้เข้ามาเที่ยวในวันที่ 11 กันยายน นายวายัน คอสเตอร์ ผู้ว่าการเกาะบาหลี ย้ำว่า เกาะบาหลีจะดำเนินมาตรการเข้มงวด โดยเฉพาะการท่องเที่ยวแบบวิถีใหม่ (New Normal) เพื่อให้ปลอดภัยจากโรคโควิด-19

Credit : https://www.thejakartapost.com/news/2020/07/06/bali-holds-mass-prayers-for-reopening-from-coronavirus-lockdown.html?src=mostviewed&pg=news

3. อินโดนีเซีย ชูมาตรการ “CHS” เปิดบาหลีรับนักท่องเที่ยว

อินโดนีเซีย โชว์มาตรการ CHS สะอาด สุขภาพอนามัย ปลอดภัย รับนักท่องเที่ยว สไตล์ New Normal เปิด “บาหลี” นำร่องที่แรก ก่อนทยอยเปิดเมืองสำคัญ จาร์กาตาร์ ยอร์กยาการ์ตาร์ และบันยูวังงี ดึง 8 ประเภทธุรกิจเกี่ยวเนื่องท่องเที่ยว เปิดตัวมาตรการความปลอดภัยด้านสุขอนามัยระดับสากล โดยใช้ชื่อว่า CHS (Cleanliness, Health and Safety) Protocol เพื่อสร้างบรรทัดฐานใหม่ในการให้บริการด้านการท่องเที่ยวของอินโดนีเซีย โดยมาตรการดังกล่าวจะทำให้นักท่องเที่ยว มีความมั่นใจในความปลอดภัยด้านสุขอนามัย และยังคงได้รับประสบการณ์ที่ดี ของบริการทางการท่องเที่ยวของประเทศอินโดนีเซีย ทั้งนี้ มาตรการ CHS จะกำหนดแนวทางปฏิบัติและฝึกอบรมอย่างเข้มข้นแก่ผู้ประกอบธุรกิจการท่องเที่ยวได้แก่ โรงแรมและที่พัก, ภัตตาคาร/ร้านอาหาร, สถานที่ท่องเที่ยว, ยานพาหนะ, สนามบิน, ห้างสรรพสินค้า, สนามกอล์ฟ, และร้านค้าของที่ระลึก มีการจัดทำแคมเปญรณรงค์และบังคับใช้มาตรการการการเว้นระยะห่างอย่างเข้มงวด โดยได้เริ่มใช้มาตรการนี้ที่บาหลีเป็นแห่งแรก เนื่องจากเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อย่างเข้มข้น และได้ขยายไปสู่เมืองสำคัญอื่นๆ อาทิ จาร์กาตาร์ ยอร์กยาการ์ตาร์ และบันยูวังงี โดยในระยะต่อไปทางกระทรวงการท่องเที่ยวฯ จะมีการตรวจประเมินผลและออกใบรับรองให้แก่สถานประกอบการ

Credit :  https://www.thansettakij.com/content/440222

4. มาเลเซียทำข้อตกลงข้ามแดนกับสิงคโปร์ยุค COVID-19 ล่าสุดชวนออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ทำ Travel Bubble

Causeway Singapore สิงคโปร์

มาเลเซียทำข้อตกลงข้ามแดนกับสิงคโปร์ยุค COVID-19 โดยจะอนุญาตให้ประชาชนถือใบผ่านแดนสิงคโปร์ระยะยาวสามารถเดินทางข้ามไปมา 2 ประเทศนี้ได้ ซึ่งสำหรับการข้ามผ่านแดนจะมีเงื่อนไขการตรวจเช็คสุขภาพของประชาชนที่เดินทางข้ามแดนของสิงคโปร์และมาเลเซียด้วย ขณะเดียวกันทั้ง 2 ประเทศยังเตรียมหารือข้อตกลงที่จะให้ประชาชนเดินทางข้ามไปมาอย่างอิสระหลังจากนี้ ขณะเดียวกันมาเลเซียเองเตรียมที่จะทำ Travel Bubble กับบรูไน และล่าสุดเตรียมชักชวนให้ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ทำ Travel Bubble ด้วย หรือประเทศอื่นๆ ที่ไม่มีการแพร่เชื้อ COVID-19 ภายในประเทศเป็นระยะเวลาอย่างน้อย 28 วัน สำหรับ Travel Bubble คือมาตรการที่แต่ละประเทศ จะเปิดให้นักท่องเที่ยวระหว่างประเทศหรือเป็นกลุ่มประเทศสามารถเดินทางท่องเที่ยวระหว่างกันเหล่านี้ได้อย่างเสรี เนื่องจากประเทศหรือกลุ่มประเทศมีการจัดการผู้ติดเชื้อ COVID-19 ในประเทศได้ดีพอๆ กัน ล่าสุดนายกรัฐมนตรีมาเลเซียมีแผนการที่จะให้ประชาชนในอาเซียนสามารถเดินทางไปมาหาสู่ได้อย่างอิสระ เพื่อที่จะเกิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจระหว่างกัน หลังจากที่ประเทศต่างๆ ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 ต่อเศรษฐกิจอย่างมาก โดยไอเดียข้างต้นดังกล่าวได้รับเสียงสนับสนุนจากสุลต่านบรูไน รวมไปถึงประธานาธิบดีอินโดนีเซีย เป็นอย่างดี

Credit : https://www.freemalaysiatoday.com/category/nation/2020/06/25/tourism-players-hoping-for-lifeline-from-singapore-brunei-travel/

5.This Hotel Has a Robot Named Rosé That Will Deliver Wine to Your Room Without Human Contact
Rosé the Robot

การเปิดขวดไวน์และผ่อนคลายในโรงแรมของคุณเป็นวิธีที่ดีในการเริ่มต้นวันหยุดและที่ Hotel Trio ใน Healdsburg รัฐแคลิฟอร์เนียตั้งอยู่ใกล้กับโรงบ่มไวน์หลายแห่ง พวกเขามีวิธีที่พิเศษที่สุดในการเพลิดเพลินไปกับการดื่มไวน์เล็กน้อย Rosé the Robot เป็นบริกรหุ่นยนต์นวัตกรรมที่มอบประสบการณ์แบบไร้สัมผัสเมื่อส่งไวน์ถึงห้องของคุณ  หุ่นยนต์สามารถไปยังลิฟต์ได้อย่างง่ายดายและค้นหาห้องโดยไม่ต้องมีการแทรกแซงจากมนุษย์ แน่นอนไวน์เป็นส่วนหนึ่ง แต่ Rosé – แต่มันยังสามารถส่งของขบเคี้ยวผ้าเช็ดตัวพิเศษอุปกรณ์อาบน้ำและสิ่งที่คุณอาจต้องการระหว่างการเข้าพัก เมื่อผู้คนเดินทางอย่างช้า ๆ ด้วยการเดินทางท่ามกลางวิกฤต coronavirus ประสบการณ์และบริการที่ไม่ต้องสัมผัสกับคนอื่นจะกลายเป็นสิ่งสำคัญสำหรับโรงแรมและอุตสาหกรรมโดยรวม  ปัจจุบัน Hotel Trio เปิดให้บริการและนำนโยบายใหม่มาใช้เพื่อให้แขกและพนักงานปลอดภัยรวมถึงมาสก์บังคับและขั้นตอนการสุขาภิบาล หากคุณวางแผนที่จะเดินทางอีกครั้งในเร็ว ๆ นี้โปรดมั่นใจได้ว่าโรงแรมกำลังทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อให้แน่ใจว่าคุณมีความอุ่นใจซึ่งรวมถึงรูมเซอร์วิส

Credit : https://www.travelandleisure.com/food-drink/wine/rose-robot-room-service-hotel-trio-california

6. Private experiences will offer a low-risk return to travel

Sweet Bocas sits on a private island in the Unesco World Heritage Site archipelago known as Bocas del Toro in the northwest of Panama.

ต้องการออกไปเที่ยว แต่ยังไม่พร้อมที่จะออกไปเสี่ยง Sweet Bocas ให้บริการบ้านพักตากอากาศเจ็ดห้องนอนบนเกาะส่วนตัวในหมู่เกาะที่รู้จักกันในชื่อ Bocas del Toro ซึ่งเป็นมรดกโลกของยูเนสโกทางตะวันตกเฉียงเหนือของปานามา ตั้งอยู่บนพื้นที่ขนาด 15 เอเคอร์พร้อมทะเลสาบน้ำจืดที่ใหญ่เป็นอันดับสองในหมู่เกาะและฟาร์มที่ได้รับการปลูกอย่างเต็มที่ ก่อตั้งขึ้นโดย Annick Belanger ผู้ต้องการสร้างจุดหมายปลายทางหรูหราที่ยั่งยืนซึ่งให้ความเป็นส่วนตัวอย่างแท้จริง นับตั้งแต่เกิดการระบาดของโรคระบาดเกาะแห่งนี้ยังคงมีการกักกันอย่างเข้มงวดโดยมีเจ้าหน้าที่ทั้งหมด 22 คนที่เหลืออยู่บนเกาะและใช้ระเบียบและความคิดริเริ่มเพื่อป้องกันการติดเชื้อ เมื่อปานามาเปิดให้บริการอีกครั้งวันที่กำหนดไว้ในปัจจุบันสำหรับวันที่ 22 มิถุนายน Sweet Bocas เสนอวิลล่าราคา $ 2,000 ต่อคนต่อคืนโดยมีแขกอย่างน้อยหกคนเป็นอย่างน้อยสี่คืน Sweet Bocas สามารถเข้าถึงได้โดยบริการเรือรับส่งส่วนตัวสั้น ๆ จากสนามบิน Bocas Del Toro และสำหรับผู้ที่ต้องการหลีกเลี่ยงเที่ยวบินเชิงพาณิชย์ทีมยังสามารถจัดเที่ยวบินส่วนตัวและจัดการเอกสารทั้งหมดก่อนเดินทางมาถึงเพื่อให้แน่ใจว่ามีการถ่ายโอนที่รวดเร็วผ่านศุลกากรปานามา “การท่องเที่ยวแบบส่วนตัวเป็นวิธีที่ดีที่สุด ระดับความปลอดภัยความยืดหยุ่นและการปรับแต่งที่สามารถนำเสนอให้กับกลุ่มเล็กๆ นั้นเป็นไปไม่ได้กับ บริษัท ทัวร์ขนาดใหญ่ และด้วยการที่ทัวร์ขนาดเล็กที่มีไกด์นำเที่ยวกำลังแพร่หลายกลายเป็นบรรทัดฐานการเดินทางทำให้ได้เห็นสิ่งต่างๆ มากขึ้น และสนุกมากขึ้น ”

Credit : https://www.travelweekly.com/Luxury-Travel/Insights/Private-experiences-will-offer-a-low-risk-return-to-travel?ct=censoamerica

7. This Double-decker Airplane Seat Could One Day Allow Everyone to Have Lie-flat Seats — Even in Economy

Zephyr seat

‘ที่นั่งสองชั้น’ ดีไซน์ที่อาจจะมาเป็นอนาคตใหม่ของสายการบิน จากการแพร่ระบาดของ COVID-19 ทำให้สายการบินอาจจะนำดีไซน์ของ Zephyr Seat พร้อมทำให้เป็นสองชั้นมาใช้ เพื่อที่จะเพิ่มความสะดวกสบายพร้อมเว้นระยะห่างระหว่างกัน โดยในตอนนี้ไอเดียนี้ถูกเริ่มพิจารณาจากสายการบินใหญ่ ๆ หลายรายแล้ว โดยการนั่งในรูปแบบนี้จะทำให้ผู้โดยสารในชั้น Economy Plus นั้นสามารถที่จะยืดขาได้อย่างเต็มที่ในพื้นที่นั่งของตัวเอง ดัดแปลงที่นั่งให้อยู่ด้านบนของอีกที่นั่งหนึ่ง ทำให้มันกลายเป็นที่นั่งสองระดับ และที่นั่งนี้ไม่ได้สูงจากพื้นดินอย่างที่หลาย ๆ คนคิด เพราะว่ามันสูงแค่สี่ฟุตจากพื้นเท่านั้น โดยคอนเซปต์นี้ได้ใช้พื้นที่ระหว่างที่นั่งแบบปกติไปถึงที่เก็บของเหนือศีรษะ ทำให้เกิดพื้นที่ในการวางขามากขึ้น รวมถึงพื้นที่ห่างระหว่างผู้โดยสารเช่นเดียวกัน ซึ่งดีไซน์นี้จะไม่ทำให้ทางการสายบินนั้นสูญเสียพื้นที่นั่ง แต่จะให้ความเป็นส่วนตัวกับผู้โดยสารชั้น Economy Plus มากยิ่งขึ้น    ที่นั่งแบบ Zephyr จะช่วยให้ผู้โดยสารชั้น Economy Plus นั้นเว้นระยะห่างทางสังคมได้ง่ายขึ้น เนื่องจากแต่ละที่นั่งจะแยกเป็นห้อง ๆ ออกไป และยังให้พื้นที่ 78 นิ้วในการนอนราบอีกด้วย

Credit : https://www.travelandleisure.com/culture-design/architecture-design/double-decker-airplane-zephyr-seat-design

8.ญี่ปุ่นเปิดบ้านผีสิงแบบ Drive-thru ขับรถลุยผีไม่ต้องสัมผัสตัวกันในช่วงโควิด

Drive-Through Haunted House

การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้พฤติกรรมการใช้ชีวิตของผู้คนทั่วโลกต้องเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง โดยเฉพาะในประเทศที่ยังมีการระบาดอยู่อย่างต่อเนื่องตอนนี้ ตัวอย่างเช่นประเทศญี่ปุ่นเอง ผู้คนก็ต้องปรับตัวใช้ชีวิตให้เข้ากับสถานบันเทิงด้วยวิธีการใหม่ ไม่เว้นแม้แต่ “บ้านผีสิง” เมื่อเร็วนี้ บริษัทออกแบบบ้านผีสิงของญี่ปุ่นที่ชื่อว่า โควาการะเซไต ได้สร้างบ้านผีสิงที่ไม่เหมือนใครในโลก เพราะนี่คือบ้านผีสิงแบบ “Drive-thru” ที่ทำให้คุณสยองขวัญได้แบบไม่ต้องกลัวผีมาสัมผัสตัว เพราะคุณเพียงแค่ขับรถไปเผชิญความหลอนเท่านั้น ในความเป็นจริงแล้ว สถานที่แห่งนี้คือ “ลานจอดรถร้าง” ที่ตั้งอยู่ในย่านฮิกาชิ-อาซาบุในกรุงโตเกียว หนึ่งในสถานที่สยองขวัญที่สุดในญี่ปุ่น และเมื่อคุณขับรถเข้าไปในบ้านผีสิงแห่งนี้ คุณสามารถฟังเรื่องเล่าสยองขวัญเพิ่มเติมได้มากขึ้นผ่านวิทยุในรถของคุณ ซึ่งเป็นระบบเดียวกับโรงภาพยนตร์แบบ Drive-inที่พีคสุดก็คือ คุณจะได้เจอกับเหล่าบรรดาภูติผีปีศาจและซอมบี้ ที่จะปรากฏตัวออกมาในบางจุดแบบไม่ทันได้ตั้งตัวอีกด้วย ความสยองนี้จะกินเวลารวมทั้งหมด 20 นาที เพื่อให้คุณได้ดื่มด่ำกับประสบการณ์ขนหัวลุกในแบบที่ไม่เคยเจอมาก่อน

Credit : https://www.timeout.com/tokyo/news/japans-first-drive-in-haunted-house-will-open-in-central-tokyo-this-month-070120

จาก Case Study  ที่กล่าวมาทั้งหมดเราจะพบว่ามาตรการต่างๆ ที่ถูกกำหนดขึ้นมาเพื่ออธิบายข้อตกลงระหว่างรัฐบาลที่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวผ่านได้โดยก้าวข้ามข้อกำหนดด้านการกักตัวเฉพาะในประเทศคู่สัญญาไม่ว่าจะเป็น Travel Bubbles, การให้ความสำคัญกับความสะอาดปลอดภัย,  การให้หุ่นยนต์มาช่วย และการเว้นระยะห่าง , การออก Visa จำกัดพื้นที่ที่สามารถไปด้วยเพื่อจำกัดความเสี่ยง, หรือแม้แต่การจ่ายค่ามัดจำเพื่อสร้างหลักประกัน, ทั้งหมดนี้คือการสร้างความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยว แต่ยังมองถึงความปลอดภัยกันคนในประเทศด้วย ซึ่งตอบสนองความต้องการการท่องเที่ยวของผู้คนใรูปแบบ New Normal  ดังนั้นกลุ่มธุรกิจการท่องเที่ยวจะต้องเตรียมปรับตัวตามหากมนุษย์ยังคงอยากเดินทางท่องเที่ยวกันต่อไป

🔥 Trend Fast Track เทรนด์สดใหม่เสิร์ฟร้อน 🔥 โดย Baramizi Lab ศูนย์วิจัยคอนเซปต์แห่งอนาคตและการออกแบบ เราได้ทำการ Spot กรณีศึกษา (Case Study) จากข่าวสารแหล่งต่างๆ และศึกษาเทรนด์การออกแบบประสบการณ์เด็ดๆ อะไรที่แบรนด์พร้อมใจกันสร้าง และ Launchออกมาทั่วโลกในแต่ละสัปดาห์

#FutureLabResearch #ResearchForBusiness #FutureTrendResearch#TrendFastTrack2020 #WisdomDrivetheFuture