Brand Strenght ธุรกิจที่มีแบรนด์ที่แข็งแรง (Brand Strenght) มีแนวโน้มฟื้นตัวเร็ว !

มูลค่าแบรนด์ (Brand Value) ผลลัพธ์ คือตัวสะท้อนได้เป็นอย่างดีแม้จะมีมรสุมช่วง Covid-19 แต่แบรนด์ Unique มูลค่าแบรนด์ก็ยังเติบโตขึ้นจากปี 2019 โดยกระโดดจาก 11,991 ไปเป็น 12,878 ล้านเหรียญดอลล่าร์สหรัฐ 

>> มารู้จักความเป็นมาโดยย่อกันนะครับ
Uniqlo คือแบรนด์เสื้อผ้าจากประเทศญี่ปุ่นซึ่งเป็นทั้งผู้ออกแบบ ผู้ผลิต และผู้ค้าปลีกเสื้อผ้า บริษัทก่อตั้งขึ้นในปี 1949 ภายใต้ชื่อ โอโงริ โชจิ ต่อมาขยายเป็นร้านเสื้อผ้าลำลองสำหรับชายและหญิงภายใต้ชื่อ “Unique Clothing Warehouse” ก่อนที่แบรนด์ดังกล่าวจะค่อย ๆ หดตัวลง ซึ่งเป็นเวลาเดียวกันกับการถือกำเนิดของชื่อ “Uniqlo” (ยูนิโคล่) จากประสบการณ์ที่ได้เห็นเครือข่ายร้านเสื้อผ้าแบบธรรมดา (Casual) ในยุโรปและสหรัฐฯ ทำให้ผู้ก่อตั้งเห็นศักยภาพของธุรกิจดังกล่าวในญี่ปุ่น และวางเป้าหมายที่จะเปลี่ยนธุรกิจตัดเย็บเสื้อผ้าของครอบครัวให้เป็นธุรกิจเสื้อผ้าแบบธรรมดาใส่ได้ทุกวันแทน

บริษัทประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง Uniqlo เป็นห่วงโซ่การค้าปลีกเสื้อผ้าชั้นนำของญี่ปุ่นทั้งในด้านของยอดขายและผลกำไร โดย Uniqlo อยู่ภายใต้สังกัดของบริษัท Fast Retailing บริษัทเสื้อผ้าที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก นอกจากนี้ บริษัทยังได้ดำเนินกิจการขยายสาขาในหลายประเทศ เช่น จีน ฝรั่งเศส ฮ่องกง มาเลเซีย รัสเซีย สิงคโปร์ เกาหลีใต้ ไต้หวัน ไทย สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา มีสาขามากกว่า 1,300 สาขาทั่วโลก ใน 15 ประเทศ ในเวลาเพียง 20 ปี

>>ยอดขายล่าสุด
เมื่อวันที่ 15 ต.ค. 2563 สำนักข่าวบลูมเบิร์ก (Bloomberg) รายงานว่า ฟาสต์รีเทลลิ่ง (Fast Retailing) เจ้าของแบรนด์ยูนิโคล่ (UNIQLO) ประกาศตัวเลขคาดการณ์ในปีหน้า ในการประกาศผลประกอบการประจำปี ซึ่งเป็นตัวเลขที่มากกว่าตัวเลขของนักวิเคราะห์เล็กน้อย 

ฟาสต์รีเทลลิ่งคาดว่าจะทำกำไร 2.45 แสนล้านเยน (72,500 ล้านบาท) ในปีภาษีที่จะสิ้นสุดเดือนสิงหาคม 2564 ส่วนค่าเฉลี่ยที่นักวิเคราะห์มองไว้อยู่ที่ 2.42 แสนล้านเยน แม้ว่าผลประกอบการในปีที่ผ่านมาจะมีกำไรลดลงถึง 42% แต่เมื่อดูจากราคาหุ้นที่ขยับขึ้นมาอยู่ในราคาซื้อขายที่สูงที่สุดของปี บวกกับผลประกอบการในไตรมาสล่าสุด และการที่เน้นขายให้คนเอเชียซึ่งหลายประเทศเริ่มฟื้นตัวจากการระบาดของโควิด-19 ทำให้บริษัทและนักลงทุนเชื่อว่าปีหน้าพวกเขาจะดำเนินกิจการได้เท่าเดิมแล้วโดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศจีนที่ยูนิโคล่เปิดสาขากว่า 800 สาขา มีรายงานว่าทำยอดขายเพิ่มขึ้นเร็วกว่าที่คาด ส่วนในญี่ปุ่นก็เริ่มกลับมาทำยอดขายต่อเดือนสูงขึ้นจากปีก่อนมาตั้งแต่เดือนมิถุนายนที่ผ่านมา 

>>หัวใจสำคัญของความสำเร็จ (Key Success Factors) คืออะไร ?
 1. Affordable (แนวคิดร้านสะดวกซื้อเสื้อผ้า) ยูนิโคล่ ต้องการเข้าไปอยู่ในชีวิตประจำวันในทุกวันของผู้บริโภคทุกเพศทุกวัย ในระดับราคา “เข้าถึงง่าย” (Affordable Price) ซึ่งเป็นแนวคิดนี้เป็นแนวคิดเดียวกับสินค้าที่จำหน่ายใน Convenience Store ที่เน้นจำหน่ายสินค้าในชีวิตประจำวัน ราคาสบายกระเป๋า เพราะฉะนั้นสังเกตได้ว่าสินค้าของ “ยูนิโคล่” มีความหลากหลาย เน้นดีไซน์เรียบ ไม่หวือหวา เพื่อให้สวมใส่ได้ในทุกวัน และสามารถนำไป Mix & Match ได้ง่าย โดยจะมีทั้งคอลเลคชั่นทั่วไป และคอลเลคชั่นพิเศษที่เป็นการทำ Collaboration กับดีไซเนอร์ชื่อดัง เพื่อสร้างสรรค์สินค้าพิเศษ

2. Accessible (เข้าถึงได้ง่าย) ภายใต้แนวคิดร้านสะดวกซื้อ นอกจากสินค้าที่หลากหลายใส่ได้ในชีวิตประจำวันได้แล้ว ยูนิโคล่ยังคงให้ความสำคัญในเรื่องของ “การเข้าถึงได้ง่าย” ในแง่ของร้านค้าอีกด้วย โดยยูนิโคล่ให้ความสำคัญในเรื่องของ จำนวนสาขา และที่ตั้งของสาขา โดยเน้นเพิ่มโอกาสการเข้าถึงผู้บริโภคมากขึ้น อยู่ใกล้ผู้บริโภคมากที่สุด เพื่อสร้างเครือข่ายสาขา และความสะดวกให้กับผู้บริโภคในการซื้อสินค้า โดย Store Format ของ “ยูนิโคล่” แบ่งเป็นสองรูปแบบหลัก คือ 1. เปิดช้อปในศูนย์การค้า และ 2. Roadside Store หรือร้านในทำเลติดถนน ผลจากกลยุทธ์นี้อำนวยความสะดวกให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงร้านค้าได้ทุกเมื่อที่ต้องการ 

3. Simple but Difference  (ธรรมดา แต่แตกต่างด้วย Innovation) บริษัทเพิ่ม Point of Difference ให้กับสินค้าด้วยการเพิ่ม Innovation ลงในสินค้า ทำให้ตัวอย่างเช่น กลุ่มสินค้า Fleece, Heattech ที่เป็นกลุ่มสินค้ายอดนิยมตลอดกาลของยูนิโคล่, AIRism เสื้อผ้าระบายความร้อนได้ดี สำหรับเจาะตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมทั้งกลุ่มสินค้า Ultra Light Down และ DRY-EX เป็นต้น ซึ่งกยุทธ์นี้นอกจากจะทำให้สินค้าแตกต่างจากคู่แข่งแล้ว ยังเป็นการเพิ่มมูลค่า (Value-Added) ให้สินค้าอีกด้วย

4. Omni Chanel (การเชื่อมต่อประสบการณ์การซื้อในทุกช่องทาง) ยูนิโคล่เพิ่มความสะดวกสำหรับผู้บริโภคไปอีกขั้นด้วยการใช้กลยุทธ์ Omnichanel เพื่อสร้าง “Seamless Shopping Experience” ให้กับลูกค้าผ่านทั้งช่องทางแบบ Physical Store และ Online Shopping ควบคู่กัน โดยเพิ่มโอกาสการเลือกซื้อสินค้าให้กลุ่มลูกค้าในโลเคชั่นที่ยังไม่มีสาขายูนิโคล่ และเพิ่มโอกาสเข้าถึงผู้บริโภคตลอด 24 ชั่วโมง 

สรุปได้ว่าแบรนด์ที่มีพื้นฐานความแข็งแรงที่ดีนั้นมักจะฟื้นตัวได้เร็ว ทั้งยอดขาย กำไร และมูลค่าแบรนด์ 

อย่างที่ผมบอกไปครับว่า นักธุรกิจที่สร้างธุรกิจโดยใส่ใจแบรนด์ มันคือการลงทุนที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพทางการเงินทางธุรกิจได้โดยตรง และมากกว่านั้นแบรนด์จะเป็นสินทรัพย์ที่มีมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจของคุณอย่างยั่งยืนต่อไป